“เพราะเพื่อชายที่นางรัก สตรีสามารถแปรเปลี่ยนนิสัยตนเองอย่างสิ้นเชิงแต่หากเป็นบุรุษ เพียงแปรเปลี่ยนเพื่อสตรีที่ตนรักช่วงเวลาหนึ่ง และแปรเปลี่ยนเพียงเปลือกนอกโดยผิวเผินเท่านั้น”
(วีรบุรุษสำราญ, 2:447)
“หากคนผู้หนึ่งทราบว่าตนมีสหายที่แท้จริงยืนหยัดอยู่ฝ่ายมัน ร่วมเป็นร่วมตายต่อต้านอุปสรรคด้วยกัน มันจะแปรเปลี่ยนเป็นกล้าแข็งขึ้น เชื่อมั่นในตนเองขึ้น”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 440)
ความสัมพันธ์ระหว่างต่อคน มิว่าคนผู้นั้นจะเป็นคนในวงนักเลงหรือจะเป็นคนในสังคมทั่วๆ ไป แม้ดูผิวเผินอาจนับเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่โก้วเล้งมันเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งนี้นับเป็นความพิเศษพิสดารประการหนึ่งของมนุษย์
เป็นความพิเศษพิสดารของมนุษย์ที่บางครั้งมิอาจอธิบายให้เข้าใจได้โดยง่าย
ระหว่างคนต่อคนบางครั้งเป็นความรัก เป็นความชัง เป็นสหาย เป็นศัตรู
และบางครั้งก็มิอาจบ่งบอกได้ว่าเป็นคนรักกันหรือไม่
มิอาจบ่งบอกได้ว่าเป็นสหายหรือศัตรู!
มีบ้างที่ทำร้ายจิตใจกันอย่างเจ็บปวดรวดร้าวยิ่ง เนื่องเพราะพวกมันเคยมีความรักต่อกันอย่างลึกซึ้งยิ่ง!
“...ความสัมพันธ์ระหว่างคนต่อคนช่างพิเศษพิสดารล้ำ คนที่ยิ่งทำร้ายจิตใจกันและกัน เนื่องเพราะกาลก่อนพวกมันรักใคร่กันอย่างลึกล้ำ”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 453)
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนย่อมนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คน
บุรุษสตรีคู่หนึ่งมีความสัมพันธ์กัน มีความรักความผูกพันระหว่างกันเกิดขึ้น มันทั้งสองย่อมก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นประการหนึ่ง
โก้วเล้งเห็นว่า ความสัมพันธ์เยี่ยงนี้สำหรับอิสตรีแล้วนางย่อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
เพื่อบุคคลที่นางรัก นางย่อมสามารถกระทำได้ทุกประการเพื่อความรักของนาง
นางสามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเองได้อย่างสิ้นเชิงเพื่อคนรักและความรักของนาง
นี่อาจเนื่องเพราะนางเห็นว่า ความรักของนางย่อมมีคุณค่าต่อชีวิตของนางอย่างยิ่ง และนางย่อมมีความเห็น “ความรัก” เยี่ยงนั้นสมควรที่จะทนุถนอมให้คงอยู่ตลอดไป
“เนื่องเพราะมีแต่บุคคลที่เคยสูญเสียความรัก จึงทราบว่าน้ำใจคู่ควรกับการทะนุถนอมกระไรปานนั้น หากแม้นสูญเสียมันไป ต้องเจ็บปวดรวดร้าวเพียงไร เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวปานไหน”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 455)
แต่สำหรับบุรุษ ความรักระหว่างมันกับอิสตรีนางหนึ่ง บางครั้งมิอาจที่จะทำให้มันเปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอตนเองได้ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความเปลี่ยนแปลงโดยผิวเผินเท่านั้น
“เพราะเพื่อชายที่นางรัก สตรีสามารถแปรเปลี่ยนนิสัยตนเองอย่างสิ้นเชิง แต่หากเป็นบุรุษ เพียงแปรเปลี่ยนเพื่อสตรีที่ตนรักช่วงเวลาหนึ่ง และแปรเปลี่ยนเพียงเปลือกนอกโดยผิวเผินเท่านั้น”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 447)
บางครั้งบางคน- อาจมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย แต่ทว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปเพื่อตนเอง มิใช่เพื่ออิสตรีที่ตนรัก
ความรักความผูกพันระหว่างเซียวจับอิดนึ้ง ซิมเปียะกุน เลี่ยงเซี้ยเปียะ และฮวงซี่เนี้ย ในจับอิดนึ้งและยอดขุนโจรนับว่าแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของบุรุษและสตรีบางคนบางประเภทได้อย่างดียิ่ง
นี่อาจนับเป็นทัศนะที่เกี่ยวกับสตรีของโก้วเล้ง
เป็นทัศนะที่ยกย่องสตรีนอกเหนือจากการยกย่องความสามารถของสตรีที่เทียบเทียมได้กับชายชาตรี ดังที่ปรากฏอยู่ในหลายต่อหลายเรื่อง
ความรักความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษและสตรีในสังคมจีนโบราณ สตรีย่อมตกเป็นฝ่ายที่ต้องโอนอ่อนผ่อนตามบุรุษในทุกๆ เรื่อง มิหนำ ลัทธิขงจื๊อที่กำหนดความคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคมจีน ยังกำหนดให้ฐานะของสตรีเพศต้อยต่ำยิ่ง
มิตรสหายที่เป็นความผูกพันระหว่างบุรุษเพศ
ยังดีที่โก้วเล้งให้ความเคารพในสตรีเพศ-ยกย่องสตรีเพศอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นรูปแบบความสัมพันธ์ที่เป็น “มิตรสหาย” ระหว่างสตรีเพศด้วยกันและระหว่างบุรุษเพศจึงปรากฏให้เห็นไม่น้อย
ความรักระหว่างบุรุษกับสตรีแม้บางครั้งไม่อาจทำให้บุรุษเปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอตน แต่สำหรับความรักความผูกพันระหว่าง “สหาย” อันเป็นสหายที่แท้จริงย่อมสามารถทำให้บุรุษเพศเปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอของตนอย่างแน่นอน
นี่คือคำ- สหาย สหายที่สามารถทำให้คนผู้หนึ่งเปลี่ยนแปรไป
สหายที่อาจทำให้คนเดียวดายผู้หนึ่งเปลี่ยนแปรเป็นอบอุ่น มีความสุขสำราญยิ่ง
สหายที่อาจทำให้คนอ่อนแอสิ้นหวังผู้หนึ่งกลายเป็นคนเข้มแข็ง หาญกล้าอย่างยิ่ง
“หากคนผู้หนึ่งทราบว่าตนมีสหายที่แท้จริงยืนหยัดอยู่ฝ่ายมัน ร่วมเป็นร่วมตายต่อต้านอุปสรรคด้วยกัน มันจะแปรเปลี่ยนเป็นกล้าแข็งขึ้น เชื่อมั่นในตนเองขึ้น”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 440)
สหายที่เพียงกล่าววาจาเพื่อสหายก็สามารถเปลี่ยนแปรความรู้สึกนึกคิดของผู้คนได้
“มีวาจาบางประโยค คล้ายเป็นมนต์ขลังอันศักดิ์สิทธิ์ มิเพียงสามารถบันดาลให้ซาละเปาเย็นชืดเป็นอาหารโอชะ ผันแปรฤดูหนาวเป็นอบอุ่น ยังเปลี่ยนแปรชีวิตอันแห้งแล้งอับเฉาเป็นบรรเจิดเพริศแพร้ว”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 221)
นี่คือสหาย- สหายที่อาจมีบางสิ่งบางประการที่แตกต่างไปจากคนรัก
สำหรับคนในยุทธจักร บางครั้งเราจะพบว่าพวกมันต้องการสหายอย่างยิ่ง
กระหายที่จะคบหาผู้คนเป็นสหายอย่างยิ่ง!
เนื่องเพราะพวกมันมีความเห็น : -
“เรื่องที่ปวดร้าวทรมานที่สุดในใต้หล้าหาใช่ไม่มีเงินทองหากแต่ปราศจากสหาย!”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 450)
“คนที่ไม่มีมิตรสหาย มีชีวิตไยมิใช่คล้ายกับตายไปแล้ว?”
(เดชขนนนกยูง, หน้า 18)
น่าเสียดายที่ผู้คนในปัจจุบันจำนวนไม่น้อยคล้ายกับคนที่ตายไปแล้ว!
โดยเฉพาะผู้คนที่หลงใหลในชื่อเสียง ลาภ ยศ และอำนาจ นับว่าคล้ายกับคนที่ตายไปแล้วอย่างยิ่ง เนื่องเพราะผู้คนเหล่านี้นับวันก็ไม่อาจมีสหายที่แท้จริงได้
สหายที่แท้จริงที่ต้องใช้ความเป็นสหายที่แท้ไปแลกมา
“...หากให้ผู้คนแสดงความจริงใจต่อท่าน ได้แต่แสดงความจริงใจต่อผู้คนก่อน...”
(ทวนทมิฬ, หน้า 34)
การคบหาสหายที่แท้เป็นเรื่องของคุณธรรม :-
“การคบหาสหาย ความจริงเป็นคุณธรรมแลกเปลี่ยนคุณธรรม”
(วีรบุรุษสำราญ, 2:514)
ผู้ไร้คุณธรรมผู้ใดจักสามารถคบหาผู้คนเป็นสหายที่แท้จริงได้?
ในระหว่างมิตรสหายที่แท้ :-
“...สัจจะและน้ำมิตรไมตรีมีความสำคัญกว่าความตาย เนื่องเพราะเรื่องเป็นเรื่องตาย ที่จริงเป็นเรื่องลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น”
แต่ในระหว่างผู้ที่อ้างตนเป็นผู้ทรงคุณธรรม เป็นวิญญูชนเล่า :-
“ในสายตาของผู้ประโคมตัวเองเป็นวิญญูชน ความจริงไม่เคยเข้าใจเลยว่า คำ ‘สหาย’คือของใด? พวกท่านอาจบางทีไม่อาจนับว่าเป็นมิตรสหาย...”
(ไม่มีน้ำตาวีรบุรุษ, หน้า 282)
เนื่องเพราะบางครั้งผู้คนประเภทนี้มักเข้าใจ สหายคือผู้สามารถให้ผลประโยชน์แก่ตนได้ตามที่ตนต้องการ!
หากผู้ใดไม่อาจให้ผลประโยชน์แก่พวกมันได้ พวกมันก็มิอาจนับเป็นสหาย
เนื่องเพราะผู้ที่มักแสวงหาอำนาจ ลาภ ยศ และผลประโยชน์มักไม่มีสหาย และไม่ยินยอมคบหาผู้คนเป็นสหายที่แท้
และเพราะพวกมันย่อมไม่คิดที่จะมอบความเป็นสหายที่แท้ให้กับผู้ใด
ลุกเฮียงชวงแห่งดาวตก ผีเสื้อ กระบี่คิดแย่งชิงอำนาจจากเล่าแป๊ะ ยิ่งมันมีอำนาจมากเท่าใด มีความทะเยอทะยานที่จะครองอำนาจเพียงไหน มันยิ่งรู้ว่าตนมิสมควรคบหาสหาย
ไม่สมควรมอบความเป็นสหายที่แท้จริงให้กับผู้ใด
มันกล่าวกับผู้คน
“ท่านคงดูออกว่าข้าพเจ้าไม่มีสหาย คนผู้หนึ่งหากไต่เต้าถึงขั้นข้าพเจ้ามักแปรเปลี่ยนเป็นไร้สหาย”
(ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่, 1 : 353)
ในวงนักเลง-ผู้คนประเภทนี้นับว่าเป็นที่ดูหมิ่นดูแคลนของชาวยุทธผู้เที่ยงธรรมยิ่ง!
แม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะมีวิชาสูงส่งสักปานใด มีอำนาจสักแค่ไหน มีความสามารถเพียงใด ก็นับเป็นบุคคลสมควรได้รับการเหยียดหยาม สมควรได้รับการประณามอย่างยิ่ง
ในสายตาของชนชาวบู๊ลิ้ม- สหายเป็นเยี่ยงไร?
บุคคลประเภทใดสมควรนับเป็นสหาย?
บุคคลประเภทใดจึงคู่ควรกับคำว่า “สหาย”?
ในวงบู๊ลิ้ม- ผู้คนทั่วไปมักจะได้ยินคำๆ หนึ่งอยู่เสมอ
“นี่คือสหาย
พวกตนมีสุขร่วมเสพย์ มีภัยร่วมต้าน”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 220)
สหายเช่นไรจึงมีลักษณะเป็นดั่งคำกล่าวนี้?
โก้วเล้งพูดถึงสหายประเภท “มีสุขร่วมเสพย์ มีภัยร่วมต้าน” อันสมควรนับเป็นสหายที่แท้ไว้หลายประการ
โก้วเล้งพูดถึงสหายและความลับของสหาย
คนผู้หนึ่งย่อมมีความลับ ความลับที่หากผู้อื่นล่วงรู้ก็ไม่อาจเป็นความลับอีกต่อไป
“ความลับคืออะไร?
ความลับคือสิ่งที่ท่านเสพย์รับเพียงลำพัง
มันอาจบันดาลความสุขสันต์หรรษา อาจนำมาซึ่งความเจ็บปวดรวดร้าวแก่ท่าน มิว่ามันคืออะไร ล้วนเป็นของท่านคนเดียว
มันอาจเป็นความรวดร้าวขมขื่น ท่านมีแต่แบกรับเพียงลำพัง หากเป็นความสุขหฤหรรษ์ ก็อย่าได้แบ่งปันแก่ผู้อื่น แม้กระทั่งกับสหาย
เนื่องเพราะหากมีบุคคลที่สองล่วงรู้ความลับของท่านก็ไม่อาจนับเป็นความลับแล้ว”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 216)
แท้ที่จริงแล้วความลับนั้นสมควรบ่งบอกต่อสหายหรือไม่?
โก้วเล้งย่อมเข้าใจ บางครั้งความลับของคนผู้หนึ่งย่อมไม่อาจบ่งบอกต่อผู้ใดได้ เพราะนั่นย่อมหมายถึงว่าความลับนั้นไม่อาจเป็นความลับอีกต่อไป เยี่ยงนี้ “สหาย”ในทัศนะของโก้วเล้งจึงไม่ไต่ถามเรื่องราวใดที่สหายตนไม่บ่งบอกออกมาเอง
ไม่ไต่ถามความลับของสหาย
ลี้คิมฮวงไม่เคยถามเรื่องราวแต่หนหลังของอาฮุย
ไม่เคยถามอาฮุยมาจากที่ใด บิดามารดาชื่ออะไร หรือแม้กระทั่งชื่อแซ่ที่แท้จริงคืออะไร ที่ท่านคบหาอาฮุยเป็นสหายมิใช่เนื่องเพราะอาฮุยมีบิดามารดาเป็นใคร มีชาติตระกูลเป็นเยี่ยงไร หรือร่ำเรียนวิชาฝีมือมาจากที่ใด แต่ที่ท่านคบหาอาฮุยเป็นสหายเนื่องเพราะมันคืออาฮุยเท่านั้น
เนื่องเพราะท่านเห็นว่าบุคคลเยี่ยงอาฮุยสมควรนับเป็นสหายที่แท้ผู้หนึ่ง
สี่สหายแห่งเคหารุ่มรวยในวีรบุรุษสำราญก็เฉกเดียวกัน
พวกมันไม่เคยไต่ถามว่าสหายของตนเป็นใครมาจากไหน มีความหลังเป็นอย่างไร
พวกมันรู้แต่ว่าเมื่อเห็นสมควรคบหาเป็นมิตรสหายกัน พวกมันก็ย่อมถือเป็นสหายกัน
เป็นสหายที่เป็นสหายที่แท้
ความลับของสหายมันยินยอมรับรู้ก็ต่อเมื่อสหายของมันยินดีที่จะเปิดเผย ยินดีที่จะไม่ให้เป็นความลับอีกต่อไป
ยินดีที่จะรับรู้ความลับของสหาย หากความลับนั้นเป็นเรื่องราวที่เป็นความเจ็บปวดรวดร้าว พวกมันล้วนยินดีคลี่คลายปัญหาความปวดร้าวนั้นให้แก่สหาย
“น้ำใจสหาย!”
“ท่านหากมีความลับที่สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวใจใด ทางที่ประเสริฐ ขอให้บ่งบอกต่อมิตรแท้
เนื่องเพราะสหายที่แท้จริง มิเพียงแบ่งปันความสุขของท่าน ทั้งยังสามารถคลี่คลายความเจ็บปวดรวดร้าวของท่าน”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 229)
ขณะเดียวกันเมื่อพวกมันพบว่าสหายของตนมีปัญหาที่มิอาจคลี่คลายได้ พวกมันล้วนยินยอมกระทำเรื่องราวทุกประการเพื่อคลี่คลายปัญหาให้กับสหาย
ยินยอมกระทำแม้ว่าตนจะต้องทุกข์ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
ยินยอมกระทำแม้ว่าตนจะเสี่ยงชีวิตสักแค่ไหนก็ตาม
เยี่ยงนี้ต่อปัญหาที่ลิ้มไท้เพ้งประสบ ทั้งเฮ้งต๋ง ก๊วยไต้โล่ว และอี้ฉิกล้วนยินยอมแบกรับภาระคลี่คลายปัญหาให้
ต่อปัญหาที่เป็นความลับความหลังของเฮ้งต๋ง ทั้งก๊วยไต้โล่ว อี้ฉิกและลิ้มไท้เพ้ง ล้วนมิยินยอมหลีกหนีจากไป ทั้งหมดล้วนยินยอมเสี่ยงชีวิตตนเพื่อคลี่คลายปัญหาให้กับสหาย ให้สหายสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสำราญสืบไปได้
เยี่ยงนี้คือสหายที่แท้!
“นี่คือสหาย
สหายสามารถแบ่งปันความสุขของท่าน และแบกรับความทุกข์ของท่านได้
ท่านหากมีความยุ่งยากลำบาก สหายล้วนยินยอมช่วยเหลือท่าน หากประสบภยันตราย สหายยินยอมออกรับแทน
ต่อให้ท่านกระทำผิดจริง สหายก็ให้อภัยได้”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 226)
การยินยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อสหายของพวกมันมิใช่กระทำเพื่อสิ่งใด?
แต่เป็นการกระทำเพื่อสหาย!
เป็นการกระทำเพื่อสหายที่บางครั้งพวกมันล้วนไม่ยินยอมบอกให้สหายของตนล่วงรู้!
พวกมันเห็นว่า :-
“ไม่ว่าท่านกระทำเรื่องราวใดเพื่อสหาย ล้วนเป็นเรื่องของท่าน มิจำเป็นต้องให้สหายของท่านล่วงรู้”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 294-295)
เยี่ยงนี้จึงสามารถนับเป็นสหายที่แท้ประการหนึ่ง
เป็นสหายที่มี “น้ำใจ” และ “คุณธรรมน้ำมิตร”ที่มิอาจมีสิ่งอื่นใดมาเทียบเทียมได้ประการหนึ่ง
นี่คือความเป็นสหาย!
“ของสิ่งนี้แม้มองมิเห็น ยากไขว่คว้าสัมผัส แต่พลานุภาพของมัน สุดที่พวกท่านจะคาดคิดมาก่อน”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 440)
สำหรับสหายที่แท้จริง ย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปรเป็นศัตรูโดยเด็ดขาด
สำหรับผู้คนที่นับเป็นสหายที่แท้จริง พวกมันย่อมมีแต่ความเชื่อมั่น!
เป็นความเชื่อมั่นในสหายของตน
เป็นความเชื่อมั่นในความดีงามของสหาย
เป็นความเชื่อมั่นในความดีงามของมนุษยชาติ
พวกมันล้วนมีความเชื่อ-ด้วยพลังแห่งคุณธรรมน้ำมิตร ไม่ว่าพวกมันจะต้องเผชิญปัญหาอุปสรรคเยี่ยงไร เผชิญหน้ากับศัตรูกล้ำแข็งเพียงไหน พวกมันย่อมมีความเข้มแข็งกว่าย่อมสามารถเอาชัยเหนือกว่าได้อย่างแน่นอน
พวกมันเชื่อ :-
“ธรรมะย่อมชนะอธรรม
คุณธรรมต้องชนะทรราช
พลานุภาพที่ผนึกรวมรั้งจากคุณธรรมสหาย ต้องเข้มแข็งกว่าอำนาจทมิฬที่มั่วสุมรวมกันเพราะผลประโยชน์”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 442)
ในใต้หล้าขอเพียงมีน้ำมิตรคงอยู่ จะเจิดจ้าเรืองรองตลอดกาล”
(วีรบุรุษสำราญ, 2:515)
เนื่องเพราะพวกมันมีสหายที่แท้
สหายที่แท้ที่ไม่สามารถใช้สิ่งใดแลกมาได้นอกจาก “คุณธรรมน้ำมิตร”
พวกมันจึงทราบ :-
“ที่ซึ่งปราศจากสหาย ต่อให้สะสมเต็มไปด้วยทองคำ ในสายตาพวกตน นั่นเป็นเพียงคุกคุมขังที่ก่อสร้างจากทองคำหลังหนึ่ง”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 277)
“...ทองคำมีวันใช้หมดสิ้น สักวันหนึ่งคนต้องตาย แต่คุณธรรมและน้ำมิตรจะคงความเป็นอมตะตลอดกาลนาน”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 297)
นี่เนื่องเพราะสหายที่แท้ย่อมให้ทั้งความเชื่อมั่นและความหวังในชีวิต
ความหวังทั้งในชีวิตตนและชีวิตของมนุษยชาติทั้งมวล
ผู้มีสหายเยี่ยงนี้ในใจของมันย่อมเต็มไปด้วยความระอุคุกรุ่นแห่งความรัก ความดีงาม และความอบอุ่นอย่างยิ่ง พวกมันเชื่อว่าชีวิตของพวกมันย่อมประสบแต่ความสุขความสำราญสืบไป
ระหว่างความรักและคุณธรรมน้ำมิตร
ระหว่างคนรักและสหาย
แม้โก้วเล้งจะให้ความสำคัญกับสหายและคุณธรรมน้ำมิตรมากกว่าความรักฉันบุรุษสตรี แต่โก้วเล้งยังคงเห็นว่า ทั้งสองประการนี้ล้วนเป็นความดีงามแห่งมนุษยชาติ
ทั้งสองประการนี้ล้วนจักต้องผ่านการทดสอบเฉกเดียวกัน
“เพชรต้องเจียระไนจึงเปล่งประกาย
ความรักและน้ำมิตรก็เป็นเฉกเช่นกัน
ความรักและน้ำมิตรที่ไม่อาจรับการทดสอบ ก็เฉกเช่นกับดอกไม้กระดาษ ทั้งปราศจากความหอมหวานของบุปผชาติ และไม่มีผลงอกเงย”
(วีรบุรุษสำราญ, 2 : 667)
ความรักที่ผ่านการทดสอบ ผ่านภาวะที่ยากแค้นลำเค็ญไปได้ย่อมเป็นรักที่แท้จริง
คุณธรรมน้ำมิตรที่ผ่านการฟูมฟัก ผ่านการทดสอบ และผ่านภาวะที่ต้องเสี่ยงชีวิตบุกฝ่าฟันอันตรายความยากแค้นลำเค็ญทั้งมวลได้ ย่อมนับเป็นสหายที่แท้จริง
และเนื่องเพราะโลกยังคงมี “ความรัก”และ“คุณธรรมน้ำมิตร” เยี่ยงนี้อยู่ โลกจึงดูเจิดจ้ารุ่งเรืองตลอดกาล
เนื่องเพราะคุณธรรมน้ำมิตรยังคงอยู่ มนุษยชาติจึงยังคงสามารถดำรงความดีงามของตนได้ตลอดกาล
บุคคลที่ในใจของพวกมันเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อผู้อื่น มีคุณธรรมน้ำมิตรต่อผู้เป็นสหาย พวกมันย่อมมีความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ย่อมเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางดีงามแน่นอน!
เปลี่ยนเป็นเข้มแข็ง หาญกล้า!
เปลี่ยนเป็นสุขสราญ ไม่เงียบเหงาว้าเหว่ตลอดกาล
ไฉนเล่าผู้คนบางจำพวกจึงไม่เห็นคุณค่าแห่ง “ความรัก” และ “คุณธรรมน้ำมิตร”
ไฉนผู้คนบางจำพวกจึงเห็นแต่คุณค่าของทรัพย์สินเงินทอง เห็นคุณค่าของชื่อเสียง ลาภ ยศ และอำนาจมากกว่า “ความรัก” และ “คุณธรรมน้ำมิตร”
ไฉนผู้คนจำนวนมากจึงยินยอมสูญเสียความรัก ความดีงาม และมิตรสหายเพียงเพื่อให้ตนสามารถรักษาผลประโยชน์ทางวัตถุ รักษาทรัพย์สินเงินทองและอำนาจให้อยู่กับตนสืบไป
ไฉนผู้คนประเภทนี้เพียงรู้จักแสวงหาสิ่งที่ตนคิดว่าเป็น “ความสุข” จากวัตถุมากกว่าที่เป็นความสุขที่ “ใจ”
พวกเขาสามารถมีความสุขจริงๆ หรือไม่?
พวกเขาสามารถหลีกหนีความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวในชีวิตได้กระนั้นหรือ?
ระหว่างเคหารุ่มรวย “น้ำใจ” และ “คุณธรรมน้ำมิตร” กับเคหาที่รุ่มรวย “อำนาจ” และ “ทองคำ” มนุษย์สมควรเลือกสิ่งใด?
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ผู้ใดว่าวีรบุรุษเงียบเหงา วีรบุรุษที่แท้ล้วนสำราญ
“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล ...
-
“จันทร์กระจ่างสักกี่ครั้ง ชูเมรัยไต่ถามฟ้า ทิพยสถานกลางเวหา ราตรีนี้เป็นปีใด เราคิดเหินลมคืนกลับ แต่กริ่งเกรงเคหาสน์หยกขาว เบื้องบนสะท้...
-
(1) ในบู๊ลิ้มขณะนั้นล้วนร่ำลือถึงบุคคลผู้หนึ่ง ในคำร่ำลือนั้นถึงกับกล่าวว่าคนผู้นั้นนับเป็นจอมโจรชั่วร้ายที่มิอาจมีผู้ใดในยุคนั้นชั่วร้าย...
-
“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น