วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กลับไปอ่านโก้วเล้ง

เกี่ยวกับนิยายกำลังภายใน,  โก้วเล้งมักกล่าวเสมอว่า
“ในสายตาของผู้คนจำนวนมาก เรื่องจีนกำลังภายในมิเพียงไม่ใช่วรรณกรรม ถึงกับไม่อาจนับเป็นนวนิยาย  เฉกเช่นกับไส้เดือนแม้เคลื่อนไหวได้แต่น้อยคนนักที่เห็นมันเป็นสัตว์เลื้อยคลาน”
                                                                       (“หมายเหตุผู้ประพันธ์” วีรบุรุษสำราญ  1 : 5)
โก้วเล้งอาจยอมรับ ที่ผู้คนเข้าใจเยี่ยงนี้เนื่องเพราะนิยายกำลังภายในยุคนั้นส่วนใหญ่มักเขียนประโคมโหมจนเกินเลย ละเลงโชกเลือดจนแทบจะไม่กล่าวถึงในด้านของอารมณ์ความรู้สึกที่เป็น “มนุษย์” ดังนั้นโก้วเล้งจึงเห็นว่า  หากจะให้ผู้คนยอมรับเรื่องกำลังภายในเป็นวรรณกรรม  นักเขียนเรื่องกำลังภายในจึงสมควรพัฒนางานของตนเอง
โก้วเล้งจึงเปลี่ยนแปลงแนวทางในการเขียนนิยายกำลังภายในของตน
เปลี่ยนแปลงเป็นเขียนนิยายกำลังภายในที่มีเรื่องราวหลากหลายมากขึ้น สามารถใช้ศิลปะการประพันธ์สร้างภาพภาพความเคลื่อนไหวที่มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
เปลี่ยนแปลงเป็นการเขียนถึงตัวละครที่มีความเป็น “มนุษย์” มากขึ้น
เป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์ความรู้สึก มีความคิดอ่านเยี่ยงบุคคลทั่วไปมากขึ้น   โก้วเล้งบอกว่า
“มนุษย์ปุถุชนมิเพียงมีอารมณ์เดือดดาลอาฆาตแค้น เจ็บช้ำรันทด หวาดหวั่นพรั่นพรึง  ยังมีความรักและน้ำมิตร ความเสียสละและคุณธรรม อารมณ์ขันและความเห็นอกเห็นใจ...”
                                                 (“หมายเหตุผู้ประพันธ์” วีรบุรุษสำราญ, หน้า 5)
แต่จะอย่างไรก็ตาม  เมื่อเขียนนิยายกำลังภายใน   สิ่งที่จะขาดไม่ได้สำหรับนิยายประเภทนี้ก็คือฉากการต่อสู้ และตัวละครที่เป็นนักบู๊
นิยายกำลังภายในของโก้วเล้งจึงย่อมมีฉากการต่อสู้
ย่อมมีตัวละครที่เป็นนักบู๊ เป็นจอมยุทธ เป็นวีรบุรุษ เฉกเดียวกับนิยายกำลังภายในทั่วไป เพียงแต่นิยายกำลังภายในของโก้วเล้งได้กล่าวถึงตัวละครเหล่านี้ไว้มากกว่าความเป็น  “นักบู๊” ทั่วๆ ไป  เรื่องราวชีวิตของเหล่านักบู๊ จอมยุทธและวีรบุรุษของโก้วเล้งจึงอาจมีสีสันที่แตกต่างไปจากนิยายกำลังภายในของนักเขียนหลายๆ ท่าน  บ้างก็เป็นนักบู๊หยาบกร้าน บ้างก็เป็นจอมยุทธและวีรบุรุษในอุดมคติ และบ้างก็อาจเป็นวีรบุรุษที่ดูธรรมดาสามัญยิ่ง  มีความเป็นมนุษย์ยิ่ง
ประการสำคัญที่ข้าพเจ้าพบจากเรื่องราวของนักบู๊ จอมยุทธ และวีรบุรุษของโก้วเล้งก็คือ  นอกเหนือจะเป็นเรื่องราววิชาฝีมือการต่อสู้แล้ว  เรื่องราวของนักสู้เหล่านี้กลับสามารถชี้ให้เห็นถึงความคิด อุดมคติ และปรัชญาของผู้เขียน  สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้แห่งชีวิตและสังคมมนุษย์
เป็นมนุษย์ที่สามารถพบเห็นได้ในสังคมแห่งความจริง  มิใช่เพียงแต่เป็นตัวละครในวงบู๊ลิ้มหรือในยุทธจักรนิยายตามจินตนาการของโก้วเล้งเท่านั้น


เมื่อแรกที่ข้าพเจ้าเริ่มอ่านนิยายกำลังภายใน เป้าหมายในการอ่านของข้าพเจ้าข้าพเจ้าเพียงเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนานเท่านั้น ข้าพเจ้าอ่านโดยมิได้คำนึงถึงว่าป็นผลงานการประพันธ์ของนักเขียนผู้ใด  ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักโก้วเล้ง ไม่เคยได้ยินชื่อกิมย้ง เนี่ยอู้เช็ง อ้อเล็งเช็ง จูกัวะแชฮุ้น ซีเบ๊เหล็ง  รู้แต่ว่านิยายกำลังภายในที่อ่านนั้นเรียบเรียงโดยจำลอง  พิศนาคะ  ว. ณ เมืองลุง และ น. นพรัตน์
ในความเห็นข้าพเจ้าขณะนั้น นิยายกำลังภายในน่าอ่านยิ่ง อ่านสนุกสนานเพลิดเพลินยิ่ง
เมื่อข้าพเจ้าเรียนหนังสือในระดับที่สูงขึ้น และพาตัวเองเข้าสู่ปริมณฑลแห่งวงวรรณกรรมมากขึ้นในยุคหลัง 14 ตุลาคม 2516 ทัศนะที่มีต่อนิยายกำลังภายในของข้าพเจ้าก็กลับกลาย
กลับกลายเป็นมองเห็นนิยายกำลังภายในเป็นเพียงเรื่องไร้สาระที่ไม่ควรอ่านประเภทหนึ่ง
เห็นเป็นเพียงเรื่องไร้สาระที่ไม่มีคุณค่าประการหนึ่งเฉกเดียวกับผู้ที่ถือตนเองว่ามีความคิดก้าวหน้าทั่วๆ ไปในยุคนั้น
ข้าพเจ้ากลับมาอ่านนิยายกำลังภายในอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันเวลานั้นผ่านไปสิบกว่าปี  เริ่มจากการอ่านผลงานของกิมย้ง และเริ่มประทับใจสาระความคิดที่ปรากฏในผลงานของท่าน
ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความคิดที่จะศึกษาเกี่ยวกับนิยายกำลังภายใน ซึ่งในขณะนั้นนอกเหนือจากคุณเสถียร  จันทิมาธร (ชุด “ชุมนุมมังกรซ่อนพยัคฆ์) ที่ศึกษาผลงานบางเรื่องของโก้วเล้งแล้ว  ยังไม่มีใครคิดศึกษาอย่างจริงจัง
จากนั้นข้าพเจ้าจึงเริ่มศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องราวของนิยายกำลังภายในของกิมย้งและเรื่องราวทั่วๆ ไปของนิยายประเภทนี้เรื่อยมา
ข้าพเจ้ายิ่งอ่านผลงานของกิมย้งมากเท่าใด ศึกษาจากผลงานของกิมย้ง ยิ่งมีประทับใจในศิลปการประพันธ์และเนื้อหาสาระในนิยายของกิมย้งมากขึ้น
ขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็เริ่มอ่านงานของโก้วเล้ง  เริ่มรู้จักกับจอมยุทธ์ลี้คิมฮวง รู้จักอาฮุย รู้จักเล็กเซี่ยวหงส์ ชอลิ่วเฮียง และฯลฯ แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ยังคงชื่นชมกิมย้งมากกว่าโก้วเล้ง ข้าพเจ้าสามารถอ่านผลงานของกิมย้งได้จบทุกเรื่องอย่างเพลิดเพลินยิ่ง  แต่ไม่อาจทนอ่านนิยายของโก้วเล้งให้ครบทุกเรื่องได้
จนกระทั่งเมื่อเริ่มอ่านโก้วเล้งอย่างจริงจังมากเรื่องขึ้น และบางเรื่องก็หลายครั้งหลายครา ข้าพเจ้ากลับพบว่าในผลงานของโก้วเล้งถึงกับมีสิ่งซุกซ่อนอยู่มากมาย จนสามารถกล่าวได้ว่า“เบื้องหลังม่านกระบี่”ของโก้วเล้ง กลับมีปรัชญาและความคิดที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิตของผู้คนอยู่มากมาย จึงสนใจและอยากจะศึกษาปรัชญาความคิดของท่าน
ข้าพเจ้ากลับพบว่า
งานเขียนที่ผู้คนไม่น้อยไม่ยินยอมนับเป็นวรรณกรรมกลับมีคุณค่าและฉายภาพแก่นแท้แห่งความเป็นมนุษย์ได้อย่างแจ่มชัดยิ่งกว่างานเขียนที่ได้รับการยกย่องเป็น “วรรณกรรมสร้างสรรค์” บางเรื่องเสียอีก !
ข้าพเจ้าพบว่า ผู้คนในยุทธจักรนิยายของโก้วเล้งมิได้เป็นเพียง“ตัวละคร”ในนิยายกำลังภายในของนักเขียนผู้หนึ่งเท่านั้น
เป็นผู้คนที่มิใช่เพียง “คนในยุทธจักร” เท่านั้น !
แต่เป็นผู้คนที่มีชีวิตดำรงอยู่ในสังคมทุกหนแห่งทั่วโลก
เยี่ยงนี้- ข้าพเจ้าได้แต่เห็นใจโก้วเล้ง
ดังนั้น…
หากนิยายกำลังภายในมิสมควรนับเป็นงานวรรณกรรม
หากการเขียนถึงนิยายกำลังภายในในแง่มุมต่างๆ มิใช่การทำงานวรรณกรรม
ข้าพเจ้าสมควรดีใจที่ตนเองมิได้ทำงานวรรณกรรมและอยู่ใน“วงรรณกรรม”
สมควรดีใจอย่างยิ่งที่ตนเองมิใช่นักเขียน

ข้าพเจ้าคงเป็นเพียงคนผู้หนึ่งที่ยังคงหยิบเอางานของโก้วเล้ง (พากษ์ไทย) มาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
และเชื่อว่ายังคงมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่เป็นเฉกเช่นข้าพเจ้า
จึงได้แต่นำเอางานเก่า ๆ ที่เคยเขียนทิ้งไว้มาบันทึกไว้อีกครั้งหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ใดว่าวีรบุรุษเงียบเหงา วีรบุรุษที่แท้ล้วนสำราญ

“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก  จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม  ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล  ...