ตอนหนึ่งของคำนำหนังสือ "วิถีจอมยุทธ์" ที่เคยพิมพ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน
ข้าพเจ้าเขียนไว้ว่า
เมื่อหลายปีก่อน ข้าพเจ้าเคยอ่านหนังสือ “กระบี่อยู่ที่ใจ ปรัชญาเต๋าของเลี่ยจื่อ” ที่คุณทองแถม นาถจำนง แปลจากฉบับภาษาจีน มีไม่น้อยที่รู้สึกกินใจ
และมีไม่น้อยที่ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจมนุษย์ยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง- มนุษย์ประเภทที่คิดว่าตนเองประเสริฐสุดเหนือผู้อื่นทั้งหลายทั้งปวง
ข้าพเจ้านึกถึงคำกล่าวของเลี่ยจื่อในหนังสือเล่มนั้นตอนหนึ่งว่า
“ควรเกิดได้ และได้เกิด เป็นมงคลแห่งฟ้า
ควรตาย และได้ตาย เป็นมงคลแห่งฟ้า
ควรเกิดได้ แต่มิได้เกิด เป็นวิบัติแห่งฟ้า
ควรตายได แต่มิได้ตาย เป็นวิบัติแห่งฟ้า”
ข้าพเจ้านึกถึงคนบางคน นึกถึงคนบางประเภท พวกเขาเหล่านั้นแท้จริงมิสมควรได้เกิด แต่ไฉนจึงได้เกิดและมีอำนาจวาสนา พวกเขาเหล่านั้นความจริงสมควรตายอย่างยิ่ง แต่ไฉนกลับไม่ตาย มิเพียงไม่ตายเท่านั้น มิหนำซ้ำกลับยังมีชื่อเสียงผู้คนนับหน้าถือตา ยกย่องเป็นคนดีงาม
ข้าพเจ้าคิดถึงผู้คนอีกบางคนบางประเภท แท้จริงพวกเขาสมควรได้เกิดกลับไม่ได้เกิด พวกเขามิสมควรถึงเวลาตายแต่ไฉนกลับตกตายเร็วเกินไป
เลี่ยจื่อกล่าวไว้นานนับพันปีแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าคำกล่าวของท่านนับเป็นสัจจธรรมที่เที่ยงแท้มาจนกระทั่งปัจจุบัน
หรือนี่คือความวิบัติแห่งฟ้าดิน- ความวิบัติแห่งสังคมของมวลมนุษยชาติ
ในยุทธจักรกำลังภายใน จอมยุทธ์ที่แท้แม้จะหาได้ยากยิ่ง แต่เนื่องเพราะนักเขียนย่อมใฝ่ฝันที่จะเห็นจอมยุทธ์ที่แท้ พวกเขาจึงสร้างชีวิตของจอมยุทธ์ที่แท้ขึ้นมาให้ผู้อ่านได้รู้จัก แต่นั่นย่อมเป็นจอมยุทธ์ที่แท้ในความฝันและจินตนาการของนักเขียนคนหนึ่งที่หวังไว้ว่าในชีวิตจริงของเขาน่าจะมีโอกาสได้พบเห็นบุคคลเยี่ยงนั้นบ้าง
เมิ่งจื่อกล่าว
“ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่อาจมอมเมาจิตใจ
ยากไร้ต้อยต่ำไม่อาจผันแปรปณิธาน”
เฉกนี้จึงสมควรนับเป็นจอมยุทธ์ที่แท้ แต่จอมยุทธ์ที่แท้เยี่ยงนี้สามารถหาได้พบจากที่ใด
ในยุทธจักรนิยายอาจมีให้เห็นได้บ้าง แต่ในยุทธจักรการเมืองเล่ามีให้เห็นบ้างไหม
เห็นมีแต่ประเภทมัวเมายศถาบรรดาศักดิ์ เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง ลาภ ยศ สรรเสริญและ/หรือให้ผู้อื่นเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสื่อมสรรเสริญ พวกเขากลับสามารถใช้วิธีการต่างๆ นานาโดยมิได้คำนึงหลักแห่งคุณธรรมใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งมิได้คำนึงถึง “ความเป็นมนุษย์” ของผู้อื่นแม้แต่น้อย
มิหนำ แม้จะติดคำนึงถึง “ความเป็นมนุษย์” ของตนเองก็ยังหาได้ยากยิ่ง !
มีกำลังมีอำนาจ ก็ใช้กำลังอำนาจของตนทำลายล้างผู้อื่น
มีความรู้ความสามารถก็มุ่งใช้ความรู้ความสามารถเหยียบย่ำทำลายผู้อื่น
มีวาทะเป็นเลิศก็มุ่งหวังเพียงใช้ความเป็นเลิศของตนเหยียบย่ำผู้คนเพื่อให้ตนสามารถเป็นใหญ่ได้
เรื่องประการหนึ่ง หากตนและพวกพ้องของตนกระทำนับเป็นเรื่องถูกต้องดีงาม
เรื่องประการเดียวกัน หากผู้อื่นกระทำกลับนับเป็นความผิดพลาดเลวร้ายอย่างยิ่ง
เรื่องประการหนึ่ง หากบุคคลที่ตนนิยมชมชอบกระทำนับเป็นการกระทำที่น่ายกย่องสรรเสริญ เป็นการกระทำที่เต็มได้ด้วยความดีงาม แต่เรื่องประการเดียวกัน การกระทำเยี่ยงเดียวกัน เกิดจากน้ำมือของผู้ที่ตนไม่นิยมชมชอบ ไฉนจึงกลายเป็นสิ่งเลวร้ายยิ่ง
เยี่ยงนี้หากมินับเป็นความวิบัติแห่งฟ้าดิน สมควรนับเป็นเยี่ยงไร?
วิถีแห่งจอมยุทธ์ของผู้คนในยุคสมัยปัจจุบันใช่เป็นเยี่ยงนี้หรือไม่ ?
เป็นเยี่ยงที่ข้าพเจ้ามองเห็นหรือไม่ นับเป็นสิ่งที่ผู้อ่านพึงประเมินได้ด้วยตนเอง
ผู้ใดสมควรนับเป็นจอมยุทธ์ ผู้ใดสมควรนับเป็นวีรบุรุษ หรือผู้ใดสมควรนับเป็นเพียงนักสู้ผู้กล้า ใช่จะยากเกินสำหรับที่จะตัดสิน
เพียงแต่มีผู้ใดกล้าตัดสิน!
แท้จริงคำนำของหนังสือเล่มหนึ่ง อาจเป็นเพียงการระบายความรู้สึกนึกคิดของคนเขียนคนหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่ง
เป็นความรู้สึกนึกคิดที่บางครั้งมิอาจที่จะระบายออกมาได้ในที่อื่น
เมื่อสามารถระบายออกมาได้บางส่วน ไยมิใช่สามารถเขียนคำนำได้ครั้งหนึ่งแล้ว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ผู้ใดว่าวีรบุรุษเงียบเหงา วีรบุรุษที่แท้ล้วนสำราญ
“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล ...
-
“จันทร์กระจ่างสักกี่ครั้ง ชูเมรัยไต่ถามฟ้า ทิพยสถานกลางเวหา ราตรีนี้เป็นปีใด เราคิดเหินลมคืนกลับ แต่กริ่งเกรงเคหาสน์หยกขาว เบื้องบนสะท้...
-
(1) ในบู๊ลิ้มขณะนั้นล้วนร่ำลือถึงบุคคลผู้หนึ่ง ในคำร่ำลือนั้นถึงกับกล่าวว่าคนผู้นั้นนับเป็นจอมโจรชั่วร้ายที่มิอาจมีผู้ใดในยุคนั้นชั่วร้าย...
-
“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น