“ดูเดือนข้างขึ้นบนสันหลังคา คล้ายใกล้จนพอจะยื่นมือปลิดลงมาได้
แต่ละคนไยมิใช่เคยมีความเพ้อฝันปลิดดวงจันทร์ลงมาแต่ดวงจันทร์ใน หัวใจของแต่ละคนกลับผิดกัน
ดวงจันทร์ในหัวใจกอลิบคืออะไร?... เพียงชีวิตที่สุขสงบเพียงครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้น
แต่สำหรับกอลิบแล้ว กระทั่งยังสุดแสนไกลยิ่งกว่าดวงจันทร์บนฟากฟ้า เสียอีก
ไม่มีบ้าน ไม่มีญาติสนิท ไม่มีมิตรสหาย ไม่มีผู้ใดเข้าใจความน่ากลัวของว้าเหว่ยิ่งกว่ากอลิบอีกแล้ว"
(เดชขนนกยูง : 13)
ในวงบู๊ลิ้ม- ผู้คนที่มีชีวิตโลดแล่นอยู่ในวงบู๊ลิ้มจำนวนไม่น้อยนับเป็นคนเดียวดาย นับเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางความเงียบเหงาว้าเหว่ยิ่ง
ที่พวกมันว้าเหว่เปลี่ยวเหงายิ่งนับเนื่องเพราะสาเหตุใด?
แม้พวกมันอาจมีสาเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนเงียบเหง่าเปล่าเปลี่ยวยิ่งนานัปการ แต่ที่สามารถนับได้ว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกมันเกือบทุกคนเป็นคนว้าเหว่เดียวดายยิ่งอาจเนื่องเพราะพวกมันไม่มีบ้าน
บ้านที่ไม่ได้มีความหมายอยู่เฉพาะแค่ห้องหับหลังหนึ่ง!
บ้านที่มิได้หมายถึงห้องหับหลังหนึ่งที่อาจมีใครก็ได้พำนักอาศัยอยู่ร่วมกับมันเท่านั้น!
แต่มันเป็นบ้านที่มีคนผู้หนึ่งพำนักอาศัยอยู่กับมัน
คนที่สามารถทำให้พวกมันไม่มีความรู้สึกว้าเหว่เดียวดายอีกต่อไป
คนที่สามารถทำให้พวกมันมีความเข้มแข็ง หาญกล้า
คนที่สามารถทำให้พวกมันเกิดกำลังใจในการต่อสู้ฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคต่างๆ
และอาจเป็นผู้ที่สามารถทำให้พวกมันมีความรู้สึกว่า จะอย่างไรตนเองก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่
เป็นมนุษย์ที่ยังคงความเป็นมนุษย์อยู่อย่างสมบูรณ์
ในยุทธจักรนิยายเรื่องเดชขนนกยูง แม้เป็นยุทธจักรนิยายเรื่องสั้นๆ เรื่องหนึ่งในชุดอาวุธของโก้วเล้งแต่กลับแฝงไว้ด้วยปรัชญาความคิดที่เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ในบางด้านไว้อย่างลึกซึ้งยิ่ง
กอลิบนนับเป็นจอมยุทธ์ (หรือที่แท้อาจเป็นเพียงมือสังหาร) ผู้หนึ่งในขบวนการ"เพ็ญเดือนเจ็ด"อันเป็นหนึ่งในสาขาสามร้อยหกสิบห้าแห่งของแชเล้งหวย-สมาคมมังกรเขียว
กอลิบนับเป็นสมาชิกผู้หนึ่งในขบวนการเพ็ญเดือนเจ็ด ซึ่งมีชีวิตอยู่คล้ายกับมิได้เป็นมนุษย์
ชีวิตในขบวนการเพ็ญเดือนเจ็ดของกอลิบนับว่าว้าเหว่เดียวดายยิ่ง มันแม้มีเซี่ยวบู๊เป็นสหาย แต่เซี่ยวบู๊ก็เป็นเพียงผู้ทำให้มันสามารถคลายความว้าเหว่เดียวดายลงไปได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น
กอลิบจึงปรารถนาที่จะมีครอบครัว
ครอบครัวที่มีสตรีนางหนึ่งสามารถทำให้มันมีความรู้สึกไม่ว้าเหว่เดียวดายอีกต่อไป
เป็นสตรีที่สามารถทำให้มันมีความรู้สึกว่าตนเองยังคงเป็นมนุษย์!
กอลิบมีสตรีเยี่ยงนี้อยู่นางหนึ่งและมันปรารถนาจะถอนตัวจากขบวนการเพ็ญเดือนเจ็ด หลีกเร้นจากยุทธจักรไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสงบกับสตรีของมัน
สตรีของมันเป็นเยี่ยงไร?
“ท่านมีสตรีนางหนึ่ง เป็นสตรีเยี่ยงไร?”
“ย่อมเป็นสตรีดีงาม”
ความหมายของสตรีดีงาม ปกติหมายถึงสตรีที่ไม่ต้องการเงินทอง
“นางมีรูปลักษณะอย่างไร? นางสวยงามอย่างยิ่งหรือไม่?”
“ข้าพเจ้าประกัน ท่านต้องไม่เคยเห็นสตรีที่สวยสะคราญเทียบเท่านางมาก่อน”
(เดชขนนกยูง : 25)
ซังซัง คือนามอันไพเราะบริสุทธิ์ของนาง
กอลิบยืนยันกับเซี่ยวบู๊- ซังซังคือสตรีของมัน สตรีที่มันยึดถือว่าสวยสะคราญไม่อาจมีสตรีใดสามารถเทียบเทียมได้
เพียงมันทราบว่ามีโอกาสจะได้กลับไปพบนาง
เพียงมันได้ยินน้ำเสียงอันไพเราะนุ่มนวลที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดี และความสุขของนาง
เพียงมันได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์ยิ่งของนาง
กอลิบกลับมีดวงตาอันเป็นไปด้วยประกายฉายแววนุ่มนวลจนมิอาจบ่งบอกได้
เมื่อกอลิบพาเซี่ยวบู๊ไปยังที่ซ่อนเร้น(หลบเร้นจากคนในขบวนการเพ็ญเดือนเจ็ด) ของมัน
พลันที่เซี่ยวบู๊ได้พบเห็นซังซัง เซี่ยวบู๊ถึงกับบอกกับตนเอง- มันมิอาจลืมเลือนนางได้ชั่วชีวิตจริงๆ
ซังซังนับเป็นโฉมสะคราญที่แท้จริง?
ระหว่างซังซังกับซิมเปียะกุนแห่งหมู่บ้านตระกูลซิมใน "จับอิดนึ้ง" และลิ่มเซียนยี้ใน "ฤทธิ์มีดสั้น" ที่แท้ผู้ใดงามกว่ากัน
ซังซังใช่สามารถนับเป็นโฉมสะคราญที่สามารถเทียบเคียงกับซิมเปียะกุนและลิ่มเซียนยี้ได้?
เซียวบู๊พบเห็นนาง
“แขนของนางลีบเรียวคล้ายแขนทารก กระทั่งยังจะผ่ายผอมกว่าทารกเสียอีก ดวงตานางใหญ่อย่างยิ่ง แต่เป็นสีขุ่นขาวไม่มีประกายเลย
ใบหน้านางยิ่งพิกล
ไม่มีผู้ใดสามารถบรรยายเค้าหน้านางเป็นอย่างไร ไม่มีผู้ใดสามารถคาดคิดได้!
นั่นมิใช่อัปลักษณ์ และไม่พิการบกพร่อง แต่คล้ายเป็นหน้ากากนางงามที่สร้างขึ้นจากฝีมือช่างชั้นต่ำทรามที่สุด...หน้ากากนางงามที่บิดๆ เบี้ยวๆ
โฉมงามที่สามารถบันดาลให้กอลิบยินยอมเสียสละทุกสรรพสิ่งเพื่อนางโดยไม่เสียดาย มิเพียงเป็นสตรีมิเติบโตสมวัยเท่านั้น ยังเป็นคนตาบอดอีกด้วย!”
(เดชขนนกยูง : 36)
สตรีเยี่ยงนี้
สตรีที่มีรูปร่างลักษณะดังที่โก้วเล้งพรรณนาไว้เยี่ยงนี้
ในสายตาของผู้คนทั่วไป นางใช่สามารถนับเป็นโฉมสะคราญได้หรือไม่?
ในสายตาของผู้คนทั่วไป- นางคล้ายมิใช่โฉมสะคราญนางหนึ่ง
มิเพียงมิใช่โฉมสะคราญนางหนึ่งเท่านั้น นางอาจเป็นเพียงสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งเท่านั้น
แต่สำหรับกอลิบแล้ว มันนับนางเป็นโฉมสะคราญยิ่งกว่าสตรีได้
มันมิได้บอกว่านางเป็นโฉมสะคราญเพียงเพื่อหลอกลวงนาง
มิใช่เพียงการเสแสร้งเพื่อเอาอกเอาใจนาง
ในสายตาของผู้คนทั่วไป หากผู้ใดนับสตรีที่มีรูปร่างเยี่ยงนางเป็นโฉมสะคราญ ผู้นั้นอาจถูกยึดถือเป็นคนวิกลจริตผู้หนึ่ง
ใช่สามารถนับกอลิบเป็นคนวิกลจริตผู้หนึ่ง!
เยี่ยงนี้เซี่ยวบู๊ก็อาจเป็นคนวิกลจริตผู้หนึ่ง!
ในทัศนะของโก้วเล้ง ทั้งกอลิบและเซี่ยวบู๊มิได้วิกลจริต
นอกจากมิได้เป็นคนวิกลจริตแล้วมิหนำพวกมันกลับเป็นมนุษย์ผู้มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนผู้หนึ่ง
เป็นมนุษย์ที่มีความสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
สำหรับกอลิบแล้ว มันกลับมีความรู้สึกว่า ในชีวิตของมันจะมีแต่เพียงเวลาที่อยู่เบื้องหน้านาง อยู่กับนางเท่านั้นมันจึงมีความรู้สึกว่าตนเองยังคงเป็น"มนุษย์"
ในจินตนาการของโก้วเล้ง- โก้วเล้งอาจมีจินตนาการสร้างตัวละครสตรีหลากหลายรูปลักษณ์ แต่ไม่มียุทธจักรนิยายของท่านเรื่องใดที่จะมีตัวละครสตรีที่มีรูปลักษณ์เยี่ยงซังซัง
สตรีในยุทธจักรนิยายของโก้วเล้ง ล้วนเป็นสตรีที่มีรูปลักษณ์สมส่วนงดงามยิ่งเกือบทั้งสิ้น
ตัวละครสตรีเหล่านั้นล้วนมีรูปโฉมสวยสะคราญในรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป
มีไม่น้อยที่เป็นสตรีที่มีความเป็น "กุลสตรี" เรียบๆ ร้อยๆ มีเสน่ห์จูงใจบุรุษเพศอย่างล้ำลึก
มีไม่น้อยกลับเป็นนางคณิกาอันลือชื่อ งามเด่นล้ำเลิศเสน่ห์เย้ายวนใจ
มีบ้างบางนางที่มีความงดงามไร้ตำหนิ แฝงไว้ด้วยความเร่าร้อนที่สามารถสยบบุรุษเพศไว้แทบเท้าของนาง
บ้างบริสุทธิ์สัตย์ซื่อไร้เดียงสายิ่ง
บ้างนับเป็นจอมยุทธสตรีที่มีวิชาฝีมือสูงล้ำ
บ้างกลับเป็นสตรีที่บอบบางอ่อนแอยิ่ง
มีบ้างบางนางที่งามยิ่งเมื่ออยู่ในพัสตราภรณ์ มิว่าพัสตาภรณ์นั้นจะเป็นเยี่ยงไร
และมีบ้างที่กลับมีความงดงามเด่นล้ำในยามไร้เสื้อผ้าปกคลุมร่างอันได้สัดส่วน
ในบรรดาอิสตรีในยุทธจักรนิยายของโก้วเล้ง ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นโฉมสะคราญอันดับหนึ่งในบู๊ลิ้มมีเพียงสองนาง
ย่อมเป็นซิมเปียะกุนจาก "จับอิดนึ้ง" และลิ่มเซียนยี้จาก "ฤทธิ์มีดสั้น"
ระหว่างซังซังกับซิมเปียะกุนและลิ่มเซียนยี้ใช่สามารถเปรียบเทียบกันได้?
แน่นอน- หากเปรียบเทียบกันด้วยรูปโฉมภายนอกที่ง่ายต่อการพบเห็นของผู้คน ซังซังย่อมมิอาจเทียบเทียมได้แม้แต่น้อย
มิหนำนางกลับแตกต่างจากซิมเปียะกุนและลิ่มเซียนยี้ตรงกันข้ามเป็นฟ้ากับดินอีกด้วย
แต่สำหรับกอลิบ- นางนับว่างามยิ่งกว่านางใด ๆ
อาจงามยิ่งกว่าซิมเปียะกุนและลิ่มเซียนยี้!
สำหรับเซี่ยวบู๊ เพียงมันมีโอกาสรู้จักกับนาง ได้พูดคุยกับนาง มันยอมรับว่านางสามารถนับเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ถึงยามนั้นมันเพียงมองเห็น
“เค้าหน้าของนางอาจบางทีไม่งาม แต่หัวใจนางกลับงามอย่างยิ่งอาจบางทีงามยิ่งกว่าโฉมสะคราญนางใดในใต้หล้า”
(เดชขนนกยูง : 41)
เยี่ยงนี้-สำหรับเซี่ยวบู๊แล้วมันมีความเห็นว่าที่กอลิบกระทำทุกอย่างเพื่อนางจึงนับว่าสมควรกระทำอย่างยิ่ง
แต่สำหรับกอลิบ-มันกลับยอมรับทุกอย่างที่มุนกระทำต่อนางที่แท้แล้วมันล้วนกระทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น มันกลับยอมรับว่า แท้ที่จริงตนมิใช่เป็นผู้ดูแลนาง แต่นางนั่นแหละที่เป็นผู้ดูแลมัน ฉะนั้นทุกอย่างที่มันกระทำ-ที่กระทำราวกับว่าเพื่อนาง- แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นการะกระทำเพราะตนเอง เพื่อตนเองทั้งสิ้น
เนื่องเพราะกอลิบพบว่า
"เนื่องเพราะข้าพเจ้าได้มาอยู่ที่นี้ หัวใจจึงรู้สึกมีความสุขสงบ มีร่าเริงแจ่มใส ดังนั้น...
"แต่ละช่วงเวลาหนึ่ง ข้าพเจ้าจะต้องกลับมาสักครั้ง อยู่พักหลายๆ วัน มิเช่นนั้นข้าพเจ้ารู้สึกต้องล้มลงไปเสียนานแล้ว วิกลจริตเสียนานแล้ว"
(เดชขนนกยูง :41)
กอลิบได้พบกับซังซังเป็นครั้งแรก เมื่อคราวที่มันหลบหนีการไล่ล่าจากศัตรูมาถึงบ้านของนาง บิดามารดาของนางได้ให้การดูแลรักษามันกระทั่งหายโดยมิได้ไต่ถามความเป็นมาแม้แต่น้อย
มิได้ไยดีว่ามันคือใคร? และมีความเป็นมาอย่างไร
ทั้งมิถาม เหตุใดมันจึงได้รับบาดเจ็บปางตาย
ที่พวกท่านดูแลรักษาพยาบาลมัน เพียงเพราะเห็นว่ามันคือมนุษย์ผู้หนึ่ง
มนุษย์ที่พึงได้รับการช่วยเหลือชีวิตจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ภายหลังเมื่อมันหายจากบาดเจ็บ มันได้แต่ระลึกถึงบุญคุณของสองผู้เฒ่า เฝ้าแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนไต่ถามทุกข์สุขเสมอมา และยามที่มันมามันมักพำนักอยู่ด้วยเป็นเวลาหลายวัน
เป็นเวลาหลายวันที่มันรู้สึกมีความสุขและสงบอย่างแท้จริง!
ภายหลังสองผู้เฒ่าสิ้นชีวิต ท่านได้แต่ฝากฝังซังซังให้กอลิบช่วยดูแล โดยมิได้มุ่งหวังจะให้กอลิบแต่งงานกับนาง เนื่องเพราะพวกท่านทราบดีว่ายากยิ่งที่จะมีบุรุษเพศคนใดคิดจะรับซังซังเป็นภรรยา แต่กอลิบกลับยืนยัน “ภายหน้าข้าพเจ้าจะต้องแต่งงานกับนาง”
มันรักนางจริง ๆ?
กอลิบมิอาจให้คำตอบได้ มันเพียงบอกว่า
“ข้าพเจ้าเพียงทราบ...เพียงทราบ นางสามารถบันดาลใจให้ข้าพเจ้าร่าเริงแจ่มใส สามารถบันดาลให้ข้าพเจ้ารู้สึกตัวเองยังเป็นมนุษย์”
(เดชขนนกยูง : 18)
กอลิบบอกว่า นางสามารถบันดาลให้มันมีความรู้สึกเป็นมนุษย์?
หรือก่อนหน้านี้มันมิใช่มนุษย์?
แท้จริงแม้กอลิบจะได้ชื่อว่าเป็น “มนุษย์” ได้ชื่อว่าเป็น “คน”
แต่พฤติการณ์ขณะนั้นของมันใช่สมควรนับเป็นมนุษย์หรือ?
ขณะนั้น- กอลิบเข้าร่วมขบวนการเพ็ญเดือนเจ็ดได้สามปีแล้ว
เวลาสามปีที่นานพอสำหรับการทดสอบความสัตย์ซื่อของผู้คนได้ แต่สำหรับขบวนการเพ็ญเดือนเจ็ดแล้ว คำว่า “ไว้วางใจ” ต่อบริวารย่อมไม่มี แม้กอลิบจำเข้าร่วมขบวนการกว่าสามปี แต่ผู้นำขบวนการเพ็ญเดือนเจ็ดก็ยังมิเคยให้ความเชื่อถือไว้เนื้อเชื่อใจแม้แต่น้อย ขบวนการเพ็ญเดือนเจ็ดเป็นเยี่ยงไร กอลิบมิเคยรับรู้รายละเอียดแม้แต่น้อย มันรู้เพียงว่าเป็นขบวนการฆ่าคนขบวนการหนึ่งในสามร้อยหกสิบห้าสาขาของสมาคมแชเล้งหวย
มันรู้เพียงตัวมันเองเป็นนักฆ่าผู้หนึ่งของขบวนการนี้
มันรู้ว่าเซี่ยวบู๊ก็เป็นนักฆ่าผู้หนึ่ง
แต่มันมิเคยรู้ว่านักฆ่าในขบวนการนี้มีกี่คน
และย่อมไม่รู้ว่ามันไฉนต้องฆ่าคน
สิ่งที่มันทราบ-เมื่อได้รับคำสั่งให้ฆ่าคน จะต้องไม่พลาดเด็ดขาด หากใครพลั้งพลาด ทรยศ หรือไม่ปฏิบัติงานตามแผนการที่วางไว้ ต้องประสบเคราะห์กรรมอย่างเดียวเท่านั้น คือ ตาย !
“...คนในขบวนการนั้นมิเพียงต่างไม่มีความกระตือรือร้นสนใจเหลืออยู่เท่านั้น กระทั่งไม่มีน้ำใจไมตรีอีกด้วย
แต่ละวัน พวกมันคล้ายดั่งอยู่ร่วมกัน แต่ต่างไม่เคยถามประวัติของกันและกันมาก่อนเลย
พวกมันก็เคยหันหลังชนกันต่อสู้กับศัตรู ทุ่มเทชีวิตเสี่ยงความเป็นความตาย แต่ระหว่างกันกลับมิใช่เป็นมิตรสหาย เนื่องเพราะน้ำมิตรไมตรีพอจะชะโลมหัวใจคนให้อ่อนลงได้ หัวใจของพวกในขบวนการนี้ต้องแข็ง ยิ่งแข็งยิ่งประเสริฐ”
(เดชขนนกยูง : 18)
ที่พักของพวกมันล้วนว่างเปล่า ภายในห้องของพวกมันมีเพียงโต๊ะหนึ่งและเตียงอีกหนึ่งเท่านั้น วันเวลาของพวกมันคล้ายเป็นเวลาที่ไม่เคยเห็นแสงอาทิตย์มีแต่น้อย ไม่มีเสียงหัวร่อที่สุขสราญ ไม่มีความอบอุ่นใดสามารถปลอบประโลมใจ ไม่มีแม้ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ อันใดที่มันพอจะสามารถเสพย์ได้
วันเวลาที่ผ่านไปของพวกมันมีแต่คำ “รอคอย” - รอคอยคำสั่งฆ่าคน
ประสาทของพวกมันมิอาจผ่อนคลายได้ตลอดกาล !
สิ่งที่พวกมันได้รับคงแค่สามารถได้กิน- ได้กินเพื่อจะได้มีกำลังสังหารผู้คน และมีที่หลับนอนที่ไม่รั่วฝนเท่านั้น
ผู้คนที่มีชีวิตอยู่เยี่ยงนี้อยู่ตลอดเวลา ไยมิใช่เป็นคล้ายสัตว์ชนิดหนึ่งเท่านั้น
เฉกนี้-- ยามที่กอลิบได้มีโอกาสพบกับซังซัง
พบกับสตรีนางหนึ่งที่ไม่เคยรังเกียจเดียดฉันท์พฤติการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของมันแม้แต่น้อย ไยมิใช่มันมีความสุขอย่างยิ่ง มีความร่าเริงแจ่มใส มีอิสระเสรีอย่างยิ่ง
เป็นความรู้สึกที่มันพึงปรารถนาอย่างยิ่ง แม้ว่าจะต้องระมัดระวังตัวอยู่ทุกฝีก้าวก็ตาม
แท้จริงคนผู้หนึ่ง หากชีวิตของมันถูกผูกมัดด้วยพันธะอันหนักหน่วงอย่างหนึ่ง คล้ายดั่งถูกล่ามด้วยโซ่เส้นโตขื่อคาที่แน่นหนาที่มันมิอาจมองเห็นและมิอาจปลดเปลื้องได้ คนผู้นั้นจักเป็นเยี่ยงไร ใช่จักเป็นเยี่ยงกอลิบหรือไม่?
ในชีวิตของผู้คน
ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ ไยมิใช่โซ่ตรวนประเภทหนึ่ง
คนผู้หนึ่งหากถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นประเภทนี้ตลอดชีวิต จนกระทั่งในวันเวลาแห่งชีวิตของพวกมันมิอาจยิ้มหัว หัวร่อ และร่าเริงแจ่มใสอย่างแท้จริงได้ พวกมันไยมิใช่เป็นดั่งกอลิบ
วันเวลาของผู้คนประเภทนี้คล้ายได้มีโอกาสพบปะผู้คนมากหลาย ร่วมดื่มกินกับผู้คนมากหน้าหลายตา รอบ ๆ ตัวคล้ายเต็มไปด้วยผู้คนที่มันรู้จักสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง
แต่พวกมันก็มิคล้ายสามารถเป็นสหายกัน มิหนำพวกมันอาจเป็นศัตรูต่อกัน และต่อสู้เอาชัยชนะระหว่างกันชิงดีชิงเด่นกันอยู่ตลอดเวลา รอยยิ้มที่บางครั้งอาจปรากฏขึ้นบนใบหน้าและมุมปากของมันกลับเป็นเพียงริ้วรอยแห่งความจอมปลอมที่แฝงไว้ด้วยจิตใจมุ่งร้ายต่อกันทุกขณะจิต
บางครั้งมันดูคล้ายกับยิ้มแย้ม
บางครั้งมันดูคล้ายร่าเริงแจ่มใส คล้ายกับสนุกสนานไม่น้อย
แท้ที่จริงแล้วกลับมิใช่
พวกมันแท้ที่จริงคล้ายกับมิใช่ผู้คน ยิ่งมิคล้ายมนุษย์ พวกมันคล้ายดั่งเป็นเพียงวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ เป็นวัตถุที่รู้จักดื่มกินและพูดจาได้บางครั้งเท่านั้น
อิสตรีนางหนึ่ง, อิสตรีที่ในสายตาผู้คนทั่วไปนอกจากจะมิเพียงมิใช่นางผู้มีรูปลักษณ์โฉมสะคราญเท่านั้น ยังอาจกล่าวได้ว่านับเป็นอิสตรีที่อัปลักษณ์ยิ่งและพิกลพิการยิ่งนางหนึ่ง
อิสตรีที่บุรุษเพศส่วนใหญ่ไม่พึงประสงค์จะจ้องมองนางหนึ่ง
กลับเป็นอิสตรีที่สามารถบันดาลให้ผู้ที่กำลังจะมิใช่เป็นมนุษย์สามารถกลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์ได้อีกครั้งหนึ่ง
อิสตรีเยี่ยงนางสมควรนับเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่งได้หรือไม่
สำหรับผู้คนทั่วไปย่อมอาจไม่ยอมรับ แต่สำหรับกอลิบ-- มันยอมรับ
นอกจากยอมรับ มันกลับยกย่องนางอย่างยิ่ง
สำหรับกอลิบแล้ว ซังซังผู้พิการและอัปลักษณ์มิเพียงเป็นโฉมสะคราญเท่านั้น นางยังสมควรนับเป็นโฉมสะคราญอันดับหนึ่งตลอดกาลอีกด้วย
ซังซังย่อมสวยสะคราญยิ่งกว่าลิ่มเซียนยี้แน่นอน เพราะลิ่มเซียนยี้เพียงสามารถบันดาลให้มนุษย์กลับกลายเป็นมิใช่มนุษย์ ในขณะที่ซังซังสามารถทำให้ผู้ที่คล้ายมิใช่มนุษย์กลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์ได้
แน่นอน ซังซังย่อมเป็นมนุษย์
ลิ่มเซียนยี้เล่า แม้นางเองก็กลับมิแน่นใจว่าแท้ที่จริงตนเองเป็นมนุษย์หรือไม่
อิสตรีนางหนึ่ง
อิสตรีที่ท่านอาจนับนางเป็นสมบัติของท่าน
หรือนางอาจนับท่านเป็นของนาง
หากนางสามารถบันดาลให้ในหัวใจของท่านพลันเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ
บันดาลให้ในหัวใจของท่าน พลันเป็นคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตแห่งมนุษยชาติ
บันดาลให้ท่านเกิดความรู้สึก-- ในโลกนี้ไม่มีเรื่องราวใดที่สามารถทำให้ท่านโศกเศร้าและหวาดกลัวได้
บันดาลให้ท่านไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างอีกต่อไป ไม่ว่าท่านจะอยู่ท่ามกลางป่าเขาลึกล้ำไร้ผู้คน ในชนบทห่างไกล หรือในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
ท่านสมควรนับนางเป็นโฉมสะคราญที่แท้จริงได้หรือไม่ !
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ผู้ใดว่าวีรบุรุษเงียบเหงา วีรบุรุษที่แท้ล้วนสำราญ
“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล ...
-
“จันทร์กระจ่างสักกี่ครั้ง ชูเมรัยไต่ถามฟ้า ทิพยสถานกลางเวหา ราตรีนี้เป็นปีใด เราคิดเหินลมคืนกลับ แต่กริ่งเกรงเคหาสน์หยกขาว เบื้องบนสะท้...
-
(1) ในบู๊ลิ้มขณะนั้นล้วนร่ำลือถึงบุคคลผู้หนึ่ง ในคำร่ำลือนั้นถึงกับกล่าวว่าคนผู้นั้นนับเป็นจอมโจรชั่วร้ายที่มิอาจมีผู้ใดในยุคนั้นชั่วร้าย...
-
“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น