“ท่านไฉนไม่หยิบฉวยกระบี่เล่มนี้ไป?”
“ท่านหากตายแล้ว เราต้องหยิบฉวยกระบี่เล่มนี้ไปแน่นอน”
“ตอนนี้ข้าพเจ้ากำนัลแก่ท่าน ท่านกลับไม่ต้องการ?”
“ชั่วชีวิต เราไม่ต้องการสิ่งของคนเป็นมาก่อน...ตอนนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่”
“ท่านไม่ต้องการสิ่งของคนเป็น?”
“ไม่ต้องการเด็ดขาด”
“แต่มีสิ่งของบางประการ คนตายไม่มีเด็ดขาด สมมติเช่นน้ำมิตร”
คนชุดขาวมองดูปึงอุ้ยอย่างเย็นชา คล้ายไม่เคยได้ยินคำ “น้ำมิตร”มาก่อน
“ท่านไม่เคยมีมิตรสหาย?”
“ไม่มี”
(เหยี่ยวนรกทะเลทราย, 1 : 18-19)
คำ-สหาย คุณธรรมน้ำมิตร ความรัก ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ การให้และการเสียสละ เหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่เป็นความสัมพันธ์อันเกิดขึ้นจากอารมณ์ความรู้สึก เกิดขึ้นจาก “ใจ” ของผู้คน เป็นความรู้สึกที่มิอาจใช้ทรัพย์สินเงินทองหรือวัตถุใดๆ แลกเปลี่ยนมาได้
เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหามาได้จากคนที่ “ตาย” แล้ว
เป็นสิ่งที่ “คนตายไม่มีเด็ดขาด”
บางที-อาจมีเฉพาะคนที่ตายแล้วเท่านั้นที่ไม่มี “น้ำมิตร” ไม่มีความเป็น “สหาย” ให้กับผู้ใด!
บางที-อาจมีผู้คนบางคนที่คล้ายกับ “คนตาย” แล้วเท่านั้นที่ไม่มีคำ “มิตรแท้” และ “คุณธรรมน้ำมิตร” ให้กับผู้ใด!
คนผู้หนึ่งหากไม่มีมิตรสหายที่แท้ไยมิใช่เป็นคนที่โดดเดี่ยวเดียวดายยิ่ง
เงียบเหงาว้าเหว่ยิ่ง!
แม้ว่าคนผู้นั้นจะมีทรัพย์สินเงินทองมหาศาล มีตำแหน่งยศศักดิ์สูงส่ง มีชื่อเสียงขจรขจายไกล
สหาย- “คุณธรรมน้ำมิตร” มิใช่สิ่งที่สามารถหามาได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มิใช่สิ่งที่สุดยากลำเค็ญที่จะใฝ่หา คนผู้หนึ่งหากสามารถรู้จักใช้ความจริงใจ คุณธรรมน้ำมิตร ความรักและเสียสละเพื่อผู้อื่นไปแลกมา คนผู้นั้นย่อมสามารถได้รับ “คุณธรรมน้ำมิตร” จากผู้อื่น
ย่อมมีมิตรสหายที่แท้จริงอย่างแน่นอน!
ที่สำคัญ- ท่านสามารถมี “คุณธรรมน้ำมิตร” มอบให้แก่ผู้อื่นหรือไม่
“การคบหาสหาย ความจริงเป็นคุณธรรมแลกเปลี่ยนคุณธรรม”
ระหว่างสหายจึงเป็นเรื่องของคุณธรรม
สหายที่แท้จึงยังคงเป็นสหายที่ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นสหายที่แท้จริงตลอดกาล
“ท่านไฉนไม่ลงมือ?”
“ท่านไฉนไม่ฆ่าเรา?”
คำตอบเพียงหนึ่งเดียวคือ
เพราะความเป็นสหาย !
พริบตานั้นไม่เพียงคมกระบี่ชะงักค้าง ความเปลี่ยนแปลงทั้งมวลในโลกล้วนชะงักค้าง
เนื่องเพราะทั้งสองล้วนพบว่าไม่ว่าเรื่องราวของผู้อื่นเปลี่ยนแปลงอย่างไร ระหว่างทั้งสองยังไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งสองยังเป็นสหาย
...สหายที่แท้จริง จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นศัตรูตลอดกาล
(เหยี่ยวนรกทะเลทราย, 1 : 249-250)
คนจีนโบราณมักกล่าวว่า “มิตรสหายดุจแขนขา ภรรยาเปรียบดั่งเสื้อผ้า” เสื้อผ้าสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ แต่มิตรสหายมิอาจเปลี่ยนแปลงได้
เยี่ยงนี้, ผู้คนทั่วไปย่อมเห็นว่าสังคมจีนแต่โบราณให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างสหายมากกว่าระหว่างสามีภรรยา ดังนั้นเมื่อกล่าวถึง “ความรัก” ระหว่างผู้คน สังคมจีนจึงให้ความสำคัญกับความรักความผูกพันระหว่างสหายมากกว่าชายหญิง
โก้วเล้งก็อาจเป็นเช่นนี้ เนื่องเพราะในชีวิตของท่าน ระหว่างท่านกับสหายล้วนมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงสืบมา แต่ชีวิตครอบครัวของท่านนับว่าประสบความล้มเหลวมากกว่า
นี่ย่อมมิใช่ข้อสรุปที่แน่นอนนัก ทั้งนี้เพราะว่าแม้ท่านจะเขียนถึงความรักความผูกพันระหว่างสหายไว้มาก แต่ท่านก็ยังเขียนถึงความรักระหว่างชายหญิงที่ลึกซึ้งตรึงใจยิ่งไว้ไม่น้อย
ระหว่างเซียวจับอิดนึ้งกับซิมเปียะกุนนับเป็นความรักความผูกพันระหว่างชายหญิงที่ลึกซึ้งตรึงใจยิ่ง- ยิ่งกว่าความรักระหว่างสหายมากนัก
เนื่องเพราะระหว่างทั้งสองย่อมเป็นความรักที่เต็มไปด้วยการให้ การเสียสละซึ่งกันและกัน
ระหว่างฮวงซี่เนี้ยกับเซียวจับอิดนึ้งก็เฉกเดียวกัน
ระหว่างลี้คิมฮวงกับลิ่มซีอิมและซุนเซี่ยวอั้งก็ย่อมเฉกเดียวกัน
แต่นี่ย่อมมิใช่ข้อสรุปที่แน่นอนได้ เนื่องเพราะความรักความผูกพันสองประการนี้ย่อมมีความแตกต่างกันยิ่ง
เนื่องเพราะความรักความผูกพันระหว่างบุรุษสตรีนับว่ามีหลายรูปแบบลักษณะ
ความรักระหว่างบุรุษสตรีจึงย่อมแตกต่างไปจาก “น้ำมิตร”
เป็นความผูกพันระหว่างสหาย ที่ต้องใช้ “คุณธรรมน้ำมิตร” และ “ใจ” แลกมาเท่านั้น
จะอย่างไรก็ตามหากบุรุษสตรีคู่หนึ่งสามารถมีความสัมพันธ์กัน โดยมีลักษณาการความสัมพันธ์ทั้งสองประการนี้ร่วมกันไยมิมิสามารถนับได้ว่าประเสริฐยิ่ง
เยี่ยงนี้,สำหรับก๊วยไต้โล่วกับอี้ฉิกแห่งวีรบุรุษสำราญ ไยมิใช่เป็นคู่รักที่สำราญยิ่ง มีความสุขยิ่ง!
ระหว่างก๊วยไต้โล่วกับอี้ฉิกอาจเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เป็น“สหาย”ต่อกัน และต่อมาจึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความรักฉันบุรุษสตรีต่อกัน แน่นอน- ในขณะที่ก๊วยไต้โล่วไม่ล่วงรู้ว่าอี้ฉิกเป็นอิสตรี มันอาจรู้สึกเพียงความสัมพันธ์ระหว่างมันกับอี้ฉิกค่อนข้างประหลาดที่เกินความรู้สึกเป็น “สหาย” ในขณะที่อี้ฉิกกลับเข้าใจดี
เนื่องเพราะอี้ฉิกรู้ดีว่าตนเป็นใคร
ดังนั้นความรู้สึกที่อี้ฉิกมีต่อก๊วยไต้โล่วจึงย่อมเป็นความรักระหว่างบุรุษสตรียิ่งกว่าความเป็นสหาย
เป็นความรักเยี่ยงบุรุษสตรีที่แตกต่างไปจากความผูกพันระหว่างสหาย
“ท่านหากรักผูกพันคนผู้หนึ่งอย่างลึกซึ้ง ก็จะวินิจฉันมันไม่ถ่องแท้ เนื่องเพราะปรกติท่านเพียงเห็นถึงคุณความดีของมัน แต่หากเกิดเหตุผันแปรเพียงเล็กน้อย รักแท้ประสบอุปสรรคเพียงผิวเผิน ท่านจะตัดพ้อตำหนิอดครุ่นคิดไปในทางเลวร้ายมิได้”
“รักลึกล้ำจึงตำหนิรุนแรง นับเป็นวาจาที่ถูกต้องสมจริง”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 236-237)
ระหว่างสหาย-แม้ไม่อาจที่จะอธิบายให้สามารถเข้าใจได้ด้วยคำพูดหรือตัวหนังสือ แต่ชาวยุทธล้วนยอมรับว่าเป็นความสัมพันธ์ประการหนึ่งที่มิตั้งอยู่บนผลประโยชน์ใดๆ เป็น “น้ำมิตร” ที่:-
“...ไม่อาจบ่งบอกบรรยาย จึงเป็นน้ำมิตรที่แท้จริง
น้ำมิตรนี้ทั้งไม่อาจซื้อหาได้ และไม่อาจใช้สิ่งใดแลกมาได้ มีแต่ใช้ความจริงใจเข้าแลกมา
อาจบางทีในโลกมีน้ำมิตรเช่นนี้คงอยู่ ดังนั้นประกายอันจำรัสของมนุษยชาติจึงอยู่คู่ฟ้าดินตลอดมา”
(หลั่งเลือดสะท้านภาพ 1 : 123)
แต่ความรักความผูกพันฉันบุรุษสตรีเล่า?
อาจเนื่องเพราะระหว่างบุรุษสตรีย่อมมีความรักความผูกพันที่สร้างความรู้สึกเป็น “เจ้าของ” ดังนั้นบางครั้งโก้วเล้งจึงมักบอกว่า “รักลึกล้ำ แค้นยิ่งลึกล้ำ”
“ความรักอันร้อนแรง กลับกลายเป็นความแค้นลึกล้ำ ความรักลึกล้ำกระไรปานนั้น ความแค้นก็ลึกล้ำยิ่งกว่า”
(หลั่งเลือดสะท้านภาพ 1 : 43)
“มีแต่ความแค้นซึ่งเกิดจากความรักอันรุอุคุกรุ่นจึงสามารถบันดาลให้ดรุณีที่บริสุทธิ์ดีงาม กลายเป็นชั่วร้ายดุจอสรพิษ”
(หลั่งเลือดสะท้านภาพ 1 : 45)
จากความรักอันลึกล้ำของม่อย้งชิวชิวที่มีต่อเจี่ยเฮียวฮง ยามถูกทอดทิ้งจึงสร้างความแค้นให้เกิดขึ้นกับนางอย่างลึกล้ำ
นางเคยรักเจี่ยเฮียวฮงอย่างคลั่งไคล้ ถึงกับยอมขัดใจบิดาไม่ยอมรับหมั้นชายใดและหนีตามมันไปเพื่อให้มันสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดี ความรักอย่างคลั่งไคล้จึงกลับกลายเป็นความ แค้นจนแทบตาย
เป็นความแค้นที่ทำให้นางตั้งตนเป็น “จอมฟ้า” ก่อตั้งขบวนการตามล่าเจี่ยเฮียวฮง แม้ด้านหนึ่งอาจเนื่องเพราะนางต้องการครอบครอง“หมู่บ้านกระบี่เทพเจ้า” แต่อีกด้านหนึ่งย่อมเนื่องมาจากความรักระหว่างบุรุษสตรีของนางกับมันอย่างแน่นอน
ระหว่างเซียงเซียงกับเซี่ยวลุ้ยในหลั่งเลือดสะท้านภพไยมิใช่เฉกเดียวกัน
เซียงเซียงเข้าใจว่าเซียวลุ่ยทอดทิ้งนาง สลัดรักนาง นางจึงคับแค้นใจยิ่ง แค้นเซี่ยวลุ้ยยิ่ง
เพียงแต่เซี่ยวลุ้ยสามารถที่จะปรับความเข้าใจกับนางได้ ความรักที่ลึกล้ำจึงสามารถเอาชนะเหนือความแค้นที่ล้ำลึกได้
แต่ระหว่างก๊วยไต้โล่วกับอี้ฉิกกลับพิสดารยิ่งกว่า!
เนื่องเพราะพวกมันนอกจากมีความรักกันฉันบุรุษสตรีแล้ว ยังมีความผูกพันฉันมิตรสหายอยู่ด้วยด้วย
ระหว่างพวกมันทั้งสองจึงเป็นความรักความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการเป็นความรักระหว่างบุรุษสตรีทั่วไป เยี่ยงนี้แม้พวกมันจะมีการเข้าใจผิด มีการครุ่นคิดในทางเลวร้าย แต่พวกมันก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้โดยง่าย ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งตรึงใจยิ่งขึ้น
เนื่องเพราะพวกมันเป็นสหาย
“ต่อให้เป็นสหายที่สนิทสนมที่สุด บางครั้งยังจะเกิดเรื่องเข้าใจผิด ดังนั้นท่านหากเกิดการเข้าใจผิดกับสหาย สมควรเปิดโอกาสให้มันอธิบาย”
“เรื่องประการหนึ่งมักมีอยู่หลายด้าน ท่านหากครุ่นคิดไปในทางเลวร้ายเท่ากับทรมานตนเอง ดังนั้นท่านหากประสบเรื่องผิดพ้องหมองใจ สมควรปลงให้ตก หาทางสืบสาวด้านที่สว่างไสว
มิว่าผู้ใดไม่มีสิทธิ์ทรมานผู้อื่น ทั้งมิบังควรทรมานตนเอง
......
ท่านหากคบหาสหายผู้หนึ่งย่อมมุ่งหวังมันเป็นสหายที่สนิทสนมที่สุด
แต่หากแม้มันสนิทสนมไป ย่อมเกิดการเข้าใจผิดโดยง่าย
การเข้าใจผิดแม้ไม่ดีนัก แต่หากสามารถปรับความเข้าใจกัน จะเข้าใจกันและกันลึกซึ้งยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ก็เพิ่มพูนลึกล้ำกว่าเดิม”
(วีรบุรุษสำราญ, 1 : 241-242)
เนื่องเพราะพวกมันมีความรักความผูกพันเยี่ยงนี้ ระหว่างพวกมันทั้งสองจึงมีแต่ความสุขสำราญตลอดไป
ระหว่างสหายอาจมีสหายที่แท้จริงและสหายที่ไม่แท้
ระหว่างผู้คน- สหายย่อมมิเกี่ยวข้องกับจำนวน
“ปัญหาสำคัญมิใช่อยู่ที่มีสหายมากน้อยเพียงไร เพียงอยู่ที่สหายนั้นเป็นสหายแท้จริงหรือไม่?”
.....
“สหายบางคน (บางประเภท) แม้มีเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง มิสู้ลดไปคนหนึ่งจะประเสริฐกว่า !”
(ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ 1: 367)
สหายที่ไม่แท้จริง แม้นมีมากมายกลับสามารถสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ ทั้งนี้เนื่องเพราะสหายประเภทนี้ย่อมเป็นบุคคลที่น่ากลัวยิ่ง
“...ดาบในมือสหาย(ประเภทนี้) ล้วนน่ากลัวกว่าอาวุธในมือศัตรู เนื่องเพราะไม่ว่าเป็นบุคคลสุขุมรอบคอบปานใดมักลืมระแวดระวังสหาย”
(ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ 1: 351)
สำหรับสหายประเภทนี้ย่อมน่ากลัวว่าศัตรู
ยิ่งน่ากลัวกว่าคนแปลกหน้า
“คนแปลกหน้าไม่น่ากลัว
...เนื่องเพราะคนแปลกหน้าทั้งไม่เข้าใจความรู้สึกของท่าน และไม่ล่วงรู้จุดอ่อนของท่าน
...มีแต่สหายที่สนิทสนมที่สุดของท่านจึงทราบได้ รอจนมันหักหลังท่าน จึงเป็นการจู่โจมถึงแก่ชีวิต”
(ซาเสียวเอี้ย 2: 375)
แต่สหายประเภทนี้ในยุทธจักรนิยายของโก้วเล้งนับว่ามีน้อยยิ่ง อาจเนื่องเพราะท่านมีความเห็น
“...น้ำมิตรที่แท้จริง บันดาลความอบอุ่นใจแก่คนตลอดกาล”
(หลั่งเลือดสะท้านภพ 2: 275)
โก้วเล้งจึงนิยมเขียนถึงสหายที่แท้มากกว่า นิยมเขียนถึง
“มิตรสหายบางจำพวกที่มีคุณค่าต่อผู้คน เฉกเช่นกับลมฝนแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ..”
(ไม่มีน้ำตาวีรบุรุษ หน้า 120)
สหายที่แท้ย่อมเป็นเยี่ยงไร?
สำหรับผู้ที่เป็นสหายที่แท้ในความเห็นของโก้วเล้งย่อมมีคุณลักษณะหลายประการ
โก้วเล้งมีความเห็น
“สหาย” ความจริงเป็นนามอันสูงส่งและเคร่งขรึมสำรวม
ทั้งไม่อนุญาตให้ผู้คนบิดเบือน และไม่อนุญาตให้ผู้คนขายได้”
(ล่าสุดขีด หน้า 253)
บุคคลที่สามารถนับเป็นสหายที่แท้ได้ พวกมันย่อมมีทัศนะในการคบหาสหายที่ไม่เหมือนผู้คนทั่วไป
โก้วเล้งกล่าวถึงการคบหาสหายของบุคคลประเภทนี้ไว้ว่า ที่พวกมันคบหาผู้คนเป็นสหายล้วน “ไม่เพราะเพื่อเหตุใด” ทั้งสิ้น ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ ไม่ถามไถ่ผลสุดท้าย และไม่มีจุดมุ่งหมาย แม้สหายที่พวกมันคบหาทรยศ พวกมันกลับไม่เคืองแค้น ยังคงยินยอมให้อภัยต่อสหายทรยศนั้น
ระหว่างลี้คิมฮวงกับเล้งโซ่วฮุ้น ลี้คิมฮวงยึดถือหลักการคบหาสหายเยี่ยงนี้!
แม้เล้งโซ่วฮุ้นต้องการอะไรจากท่าน ลี้คิมฮวงล้วนยินยอมยกให้ แม้มันจะทรยศท่านครั้งแล้วครั้งเล่า ให้ร้ายต่อท่านเสมอมา ลี้คิมฮวงกลับเข้าใจมัน ยินยอมให้อภัยแก่มัน มิหนำยังปกป้องมันจากการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากล่าวให้ร้ายของผู้อื่น
ระหว่างเซี่ยวลุ้ยกับกิมชวง เซี่ยวลุ้ยย่อมถือหลักการคบหาสหายเยี่ยงนี้
เซี่ยวลุ้ยกล่าวแก่เล้งสี่เอี้ย :-
“ที่ข้าพเจ้าคบหาคือตัวมัน หาใช่ศักดิ์ศรีของมัน และไม่ใช่ชื่อของมัน”
“ต่อให้มันทรยศต่อท่าน ท่านยังยึดถือมันเป็นสหาย”
“ใช่”
“เพราะเหตุใด?”
“เนื่องเพราะมันเป็นสหายข้าพเจ้า”
“ต่อให้มันหักหลังท่านพรากสิ่งที่ท่านรักหวงแหนที่สุดไป ท่านยังให้อภัยแก่มัน?”
“คำถามที่ท่านถามข้าพเจ้า ข้าพเจ้าความจริงไม่จำเป็นต้องตอบแม้สักคำเดียว”
“เราทราบ”
.....
“เราก็ถูกกิมชวงหักหลังเช่นกัน”
....
“ดังนั้นเราทราบ การถูกสหายที่ตนเองไว้วางใจที่สุดทรยศหักหลัง เป็นเรื่องเจ็บปวดรวดร้าวเพียงไหน”
....
“ตอนนี้เราเพิ่งทราบ เราสู้ท่านไม่ได้ และสู้มันไม่ได้ ...มันสามารถคบหาสหายเช่นท่าน นับเป็นโชคของมัน”
....
“เราเข้าใจว่าตนเองมีใจกว้างพอ วันนี้พบพานท่าน เพิ่งทราบว่าเรายังขาดอโหสิกรรม”
“ท่านยังทราบอันใด?”
“เรายังทราบว่า ขอเพียงท่านสามารถให้อภัยแก่ผู้อื่น จิตใจของท่านจะเบิกบานแจ่มใสขึ้น ความกลัดกลุ้มปวดร้าวทั้งมวล จะปลาสนาการเป็นปลิดทิ้ง”
(หลั่งเลือดสะท้านภพ 1: 82-83)
สหายที่แท้ในยุทธจักรนิยายของโก้วเล้งจำนวนมากย่อมเป็นเยี่ยงนี้และย่อมมีทัศนะที่กว้างไกลมากกว่านี้
เรื่องราวของสี่สหายใน “วีรบุรุษสำราญ” ย่อมชี้ให้เราเห็นถึงความคิดเยี่ยงนี้ของโก้วเล้งอย่างชัดเจน
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ผู้ใดว่าวีรบุรุษเงียบเหงา วีรบุรุษที่แท้ล้วนสำราญ
“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล ...
-
“จันทร์กระจ่างสักกี่ครั้ง ชูเมรัยไต่ถามฟ้า ทิพยสถานกลางเวหา ราตรีนี้เป็นปีใด เราคิดเหินลมคืนกลับ แต่กริ่งเกรงเคหาสน์หยกขาว เบื้องบนสะท้...
-
(1) ในบู๊ลิ้มขณะนั้นล้วนร่ำลือถึงบุคคลผู้หนึ่ง ในคำร่ำลือนั้นถึงกับกล่าวว่าคนผู้นั้นนับเป็นจอมโจรชั่วร้ายที่มิอาจมีผู้ใดในยุคนั้นชั่วร้าย...
-
“ร่างกายพวกเราแม้สกปรก จิตใจกลับสะอาดสะอ้าน หากแม้นจิตใจคนผู้หนึ่งสกปรกโสมม ต่อให้ใช้สบู่ฟอกวันละสิบครั้ง ยังไม่สะอาดหมดจด” “มีเหตุผล ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น